โอเคเบตง

วันนี้มีระเบิดที่สุไหงโกล๊ก รู้สึกยังไงไม่ถูกสงสารชาวบ้านแถวนั้นที่ต้องตกเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ เลยทำให้ลุกขึ้นมาเขียนเรื่องเบตงที่ค้างไว้ให้เสร็จดีกว่า ซึ่งพึ่งไปเมื่อเดือนกว่าที่ผ่านแต่ดองเอาไว้ด้วยความยุ่งและขี้เกียจ
เบตง เป็นอำเภอหนึ่งในยะละ 1 ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีข่าวก่อความไม่สงบอยู่ประจำ ทำให้นักท่องเที่ยวมักไม่ค่อยกล้าเดินทางไปแถวนั้น จริงๆชาวบ้านทางนั้นน่าสงสารพอสมควร พอมีระเบิดคนไม่กล้าไปก็ขาดรายได้ไปส่วนหนึ่ง ก่อนไปก็นึกในใจว่าเป็นเมืองที่น่ากลัวมีแต่ความรุนแรง แต่พอไปถึงกลับไม่เป็นอย่างที่คิด มันเหมือนกับเป็นเมืองที่ถูกซ่อนในหุบเขา บรรยากาศบ้านเรือนยังคงสภาพเหมือนเมืองทีถูกหยุดเวลาไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว

เมืองเล็กแห่งนี้มีวงเวียนเดียวคือหอนาฬิกาใจกลางเมือง ซึ่งเป็นแหล่งที่ครึกครื้นที่สุด ตอนกลางคืนเปิดแสงสีนิดหน่อยได้บรรยากาศ ชาวบ้านใช้ชีวิตกันอยู่อย่างเรียบง่าย รถไม่ได้มีคับคั่งมาก ในรูปคือถนนที่ดูจะครึกครื้นที่สุดในเมือง

บรรยากาศแอบมีความสงบแบบช้าๆ  อยู่ท่ามกลางหุบเขา จึงมีความเป็นเนินเขาขึ้นๆลงๆอยู่ เวลาอยู่ที่สูงของเมืองมองไกลๆ สามารถมองได้เห็นเกือบทั้งเมือง

พอย่ำค่ำเริ่มมืดไม่รู้นกมาจากไหนเป็นหมื่นตัว บินว่อนเต็มท้องฟ้า บ้างก็เกาะตามเสาและสายไฟฟ้า

ถนนแต่ละเส้นก็มีความเป็นเอกลักษณ์ อย่างเส้นนี้ก็เป็นเส้นที่กิ๊บเก๋เส้นหนึ่งของเมือง บ้านเรือนมีจั่วสามเหลี่ยม ทาสีสลับกันไปมา

เหตุจากการก่อความไม่สงบ
ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้ามาเที่ยว เบตงจึงขายรายได้ไป จึงเกิดโครงการ Betong Street Art มีเพื่อเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยว อารมณ์คล้ายๆที่ภาพวาดปีนัง โดยภาพวาดทั้งหมดจะสะท้อนถึงวิธีชาวบ้านในย่านนี้ มีอยู่ 11 จุด ทั้งบนผนัง กำแพง ใต้สะพาน และตัวอาคารหลายจุดรอบเมืองเบตง วาดโดยทีมนักศึกษาและอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากรซึ่งนำทีมโดยอาจารย์อํามฤทธิ์ ชูสุวรรณ คณะบดีคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

เนื่องจากเมืองเล็กมาก ในเมืองมีร้านขนมชื่อดังไม่กี่ร้าน อย่างร้าน”บั่นฮวด” ก็เป็นร้านนึงที่ใครๆก็พูดถึงกัน ขายพวกขนมเปี๊ยะ เบเกอรี่ และขนมโบราณ

“มุ่ยเชียง” เป็นร้านขนมปังสังขยา อยู่ไม่ไกลจากหอนาฬิกาใจกลางเมือง ร้านเค้าขายขนมปังอย่างเดียว มาหลายสิบปีแล้ว ลองซื้อมาชิมก็อร่อยดีนะ ขนมปังมีความเอกลักษณ์เหมือนกัน

ตู้ไปรษณีย์ยักษ์ เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองนี้ ด้านบนมีรูไว้กระจายเสียงแจ้งข่าวสารให้ชาวบ้าน

การเดินทาง
เราข้ามมาจากทางมาเลเซีย โดยคนขับรถที่ชำาญทางแถบนั้น เนื่องจากมีชายแดนติดกัน และทางที่มาจากเมืองไทยบางเส้นทางไม่ค่อยปลอดภัย เราแนะนำให้จ้างไกด์ หรือคนขับรถที่เป็นผู้ชำนาญทางแถวนั้นจะดีกว่า

อาหารการกิน
เบตงเป็นเมืองที่อาหารการกินอร่อยมาก ไม่ได้คิดเตรียมตัวตั้งแต่แรก แต่ไปเจออะไรก็น่ากินไปหมดไปไม่กี่วันน้ำหนักถึงกับขึ้นกันเลยทีเดียว
ไก่เบตง คล้ายๆไก่ต้มในข้าวมันไก่บ้านเรา แต่เนื้อมีลักษณะเฉพาะ เนื้อนุ่มหนังกรุบ ไม่มีมันผสม ไก่เบตงยังติดอันดับเนื้อไก่ที่แพงที่สุดในเมืองไทย

โดยไก่ไทยสายพันธเบตง พันธ์พิเศษของที่นี่ สมัยก่อนชาวบ้านเลี้ยงกันแบบ free range หรือให้วิ่งกันอย่างอิสระ

พ่อพันธ์ไก่เบตงของเรา หน้าตาหล่อเหลามาก

เฉาก๊วย ที่นี่ปลูกต้นเฉาก๊วยเยอะ ท้องถิ่นเรียกกันว่าวุ้นดำ โดยใช้ไม้ฟืนในการต้ม ไม่ใช้แก๊ส เพื่อได้กลิ่นหอมอวนๆเวลาเข้าปาก ร้านยอดฮิตคือร้านเฉาก๊วยเบตง กม.4 แต่หมดเร็วมากใครไปแนะนำโทรสั่งจองล่วงหน้านะ

เคาหยกเผือก เป็นหมูสามชั้นตุ๋นเครื่องพะโล้ต้มเคี่ยวจนเปื่อย ไขมันละลายลงมาเหลือแต่ชั้นคอลลาเจนเด้งดึ๋ง ขายกันแทบทุกร้านเลย

ผักน้ำ เราได้มีโอกาสแวะไปที่เค้าปลูกผักน้ำกัน เค้าปลูกกันในแหล่งน้ำธรรมชาติ ให้น้ำไหลผ่านตลอด

ปลาจีน ที่นี่เค้าทำเป็นฟาร์มเป็นล่ำเป็นสัน พึ่งรู้เหมือนกันว่าปลาจีนเค้ากินใบสำปะหลัง

ติ่มซำ เป็นอาหารเช้าขึ้นชื่อของที่นี่ ก็อารมณ์คล้ายๆที่หาดใหญ่อะนะ มีร้านดังๆหลายร้าน เช่นไทซีฮี้,แต่เตี๊ยม,เซ้ง

ข้าวหลามเบตง ทานดูแล้วก็เหมือนข้าวหลามปกตินี่แหละ แต่มีกิมมิคคือ เราจะปลอกกินอารมณ์คล้ายๆปลอกกล้วยหอม

กบเบตง จริงๆกบภูเขาเบตง เป็นกบที่อยู่ในป่าบริเวณไทย-มาเลเซีย ตัวค่อนข้างใหญ่ บางตัวใหญ่เป็นโลเลย แต่ที่เอามาขายน่าจะเป็นกบฟาร์มเลี้ยง

สถานที่ท่องเที่ยว
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวงค์ อยู่บนยอดเขาไมโครเวฟ ฟังไม่ผิดหรอกนะ ชื่อไมโครเวฟจริงๆ มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,038 ฟุต เปิดให้นักท่องเที่ยวไปเต็มอิ่มกับการชมทะเลหมอกแบบหนา ๆ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดได้อย่างสวยงาม และจุดชมวิวไฮไลท์ของที่นี่อีกหนึ่งแห่งคือ บริเวณยอดเขาฆูนุงซีลีปัต (ฆูนุงสาลี) ที่ต้องเดินป่าขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อชมทะเลหมอกในมุมมองกว้าง 360 องศา

อุโมงค์ปิยะมิตร เป็นอุโมงค์ที่พวกคอมมิวนิสต์-มาล่ายูหนีมาอาศัยอยู่สร้างสมัยปี 2519 เป็นอุโมงค์คดเคี้ยวเข้าไปในภูเขายาวประมาณ 1 กิโลเมตร

สรุปน่ากลัวไหม สำหรับเราที่ได้ลองเที่ยวแล้ว ถ้ามากับทัวร์หรือเจ้าของพื้นที่ ก็ไม่รู้สึกน่ากลัวอะไร มีตำรวจทหารประจำจุดตลอด และเรารู้สึกถึงความพยายามของคนที่นี่ ที่พยายามต้อนรับขับสู้ ดีใจที่มีคนมาเยี่ยมเยียน มีอาสาสมัครชาวบ้าน ช่วยกันเดินตรวจตราเป็นอย่างดี เพื่อให้เบตงกลับมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกครั้ง สำหรับเราถ้ามีโอกาสคงไปอีกครั้งแน่นอน

Leave a Reply

%d bloggers like this: